วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วันเข้าพรรษา

       โรงเรียนอนุบาลพุทไธสง (โอภาสประชานุกูล) จัดกิจกรรมเนื่องในวันเข้าพรรษา 
โดยการนำนักเรียนไปทำบุญที่วัดต่าง ๆ ที่ใกล้เคียง  เพื่อให้นักเรียนได้ปฏิบัติตน
เป็นยุวพุทธศาสนิกชน  เพื่อเติบใหญ่เป็นสมาชิกที่ดีของสัคงและเป็นการอนุรักษ์
ประเพณีวันเข้าพรรษาของท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป
 นางนิตติยา  ปรึกไธสง  ครูชำนาญการพิเศษ  โรงเรียนอนุบาลพุทไธสง
(โอภาสประชานุกูล) นำคณะครูและนักเรียนบางส่วนไปทำบุญ
เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา
ณ วัดมณีจันทร์  บ้านมะเฟือง  อ.พุทไธสง  จ.บุรีรัมย์
ซึ่งได้ปฏิบัติมาเป็นประจำทุกปี
 ครู นักเรียน ร่วมทำบุญ ฟังเทศนา ฝึกจิตให้เป็นสมาธิ
และร่วมเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ
 คณะครูที่ร่วมทำบุญครั้งนี้ 
คุณครูนิตติยา  ปรึกไธสง        คุณครูสุนี  ปัญญาวานิชกุล 
คุณครูกนกพรรณ  แพงเพ็ง    คุณครูศิริพร  พลพุฒินันท์ 
คุณครูอาทิตย์  ทรัพย์ธนาศิริ
เป็นตัวแทนถวายผ้าอาบน้ำฝน  เทียนพรราและปัจจัยแด่พระสงฆ์

พระสงฆ์แสดงธรรมและให้พรแก่คณะครูและนักเรียน

น้ำพระพุทธมนต์  เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและวงศ์ตระกูลสืบไป
     

เข้าพรรษา

      "เข้าพรรษา" แปลว่า "พักฝน" หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งระหว่างฤดูฝน
       โดยเหตุที่พระภิกษุในสมัยพุทธกาล มีหน้าที่จะต้องจาริกโปรดสัตว์ และเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอน แก่ประชาชนไปในที่ต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ประจำ แม้ในฤดูฝน ชาวบ้านจึงตำหนิว่า ไปเหยียบข้าวกล้าและพืชอื่นๆ จนเสียหาย พระพุทธเจ้าจึงทรงวางระเบียบ การจำพรรษา ให้พระภิกษุอยู่ประจำที่ตลอด 3 เดือน ในฤดูฝน คือ เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองครั้ง ก็เลื่อนมาเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือนแปดหลัง และออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เว้นแต่มีกิจธุระเจ้าเป็นซึ่งเมื่อเดินทางไปแล้วไม่สามารถจะกลับได้ในเดียวนั้น ก็ทรงอนุญาตให้ไปแรมคืนได้ คราวหนึ่งไม่เกิน 7 คืนเรียกว่า สัตตาหะ หากเกินกำหนดนี้ถือว่าไม่ได้รับประโยชน์ แห่งการจำพรรษา จัดว่าพรรษาขาด ระหว่างเดินทางก่อนหยุดเข้าพรรษา หากพระภิกษุสงฆ์เข้ามาทัน ในหมู่บ้าน หรือในเมืองก็พอจะหาที่พักพิงได้ ตามสมควร แต่ถ้ามาไม่ทันก็ต้องพึ่งโคนไม้ใหญ่เป็นที่พักแรม ชาวบ้านเห็นพระได้รับความลำบากเช่นนี้ จึงช่วยกันปลูกเพิง เพื่อให้ท่านได้อาศัยพักฝน รวมกันหลาย ๆองค์ ที่พักดังกล่าวนี้เรียกว่า "วิหาร" แปลว่าที่อยู่สงฆ์ เมื่อหมดแล้ว พระสงฆ์ท่านออกจาริก ตามกิจของท่านครั้งถึงหน้าฝนใหม่ ท่านก็กลับมาพักอีกเพราะสะดวกดี แต่บางท่านอยู่ประจำเลย บางทีเศรษฐีมีจิตศัรทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ก็เลือกหาสถานที่สงบเงียบไม่ห่างไกลจากชุมชนนัก สร้างที่พัก เรียกว่า "อาราม" ให้เป็นที่อยู่ของสงฆ์ดังเช่นปัจจุบันนี้

นิราศเดือนแปด
        ถึงเดือนแปดแดดอับพยับฝน
จวนจะบวชเป็นพระสละนาง
        ประดับพุ่มบุปผาพฤกษากระถาง
ตุ๊กตาเจ้าพราหมณ์งามละมุน
        ต้นไม้ทองเสาธงหงส์ขี้ผึ้ง 
อุณรุทยุดกินนรชะอ้อนพริ้ง
ฤดูดลพระวษาเข้ามาขวาง
อยู่เหินห่างเห็นกันเมื่อวันบุญ
รูปแรดช้างโคควายขายกันวุ่น
ต้นพิกุลลิ้นจี่ดูดีจริง
คู่ละสลึงเขาขายพวกชายหญิง
มีทุกสิ่งซื้อมาบูชาพระ